
สมาธิ เป็นวิทยาศาสตร์จิตประสานกายขั้นสูงเป็นเทคนิคการเยียวยาที่ได้รับกาารพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่า เป็นศาสตร์แห่งการเอื้ออาทรต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณของบุคล เป็นศาสตร์สร้างเสริมความเป็นอิสระ บุคลใดปฏิบัติบุคลนั้นเป็นคนได้รับผล ปัจจุบันองค์กรวิทยาการด้านการแพทย์และสาธารณสุขได้ทำการวิจัยเพื่อให้ได้องค์ความรู้สมาธิเพื่อการเยียวยาองค์รวม ทำให้เกิดความรู้ทางวิทยาสาสตร์การแพทย์
การปฏิบัติสมาธิเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ กายและจิต ทำให้ผู้ปฏิบัติมีความหมั่นใจในตัวเอง ช่วยฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยโรคหัวใจ ลดความเครียด ลดความดันโลหิตสูงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ประโยชน์ของสมาธิมีมากมาย สมาธิจึงเป็นกลยุทธ์ที่มีราคาต่ำ ใช้ได่หลายสถานการณ์ในปัจจุบันและเป็นการส่งเสริมสุขภาพ กายจิตวิญญาณ และสัคมที่ยั่งยืน

ท่า SKT 1
วิธีที่1 ให้สวดมนต์ด้วยการเปล่งเสียง สวดซ่ำๆ เช่น (อิติปิโส ภะคะวา อะระหังสัมมา) ประมาณ15-20 นาที
วิธีที่2 สูดลมหายใจเข้าลึกๆกกันลมหายใจ (นับ1-5ในใจ) ผ่อนลมหายใจออกทางจมูก/ปาก ช้า ทำซ้ำ 40 ครั้ง เป็นการกระตุ้น การทำงานของระบบประสาทสมองคู่ที่1,2,3,4,6 และ10
ท่า SKT 2 (ท่าพุธา)

ยืนตรงเท้า 2 ข้างแยกระดับไหล่ ยกแขน 2 ข้าง แนบหูมืออยู่เหนือศรีษะฝ่ามือประกบชิดกัน สูดหายใจ เข้าลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกทางจมูก/ปาก ช้าๆ 3 ครั้ง และสูดลมหายใจเข้า-ออก ช้าๆ นับ1 ทำจนครบ30 ครั้ง (มือยังแนบกันอยู่เหนือศรีษะ) แล้วสูดลมหายใจลึกๆ 3 ครั้ง นับ1 ค่อยๆ แยกมือออกจากกัน(คล้ายนกก้างปีก) เมือเมือนับครบ 30 มือแนบต้นขา 2 ข้างสูดหายใจ เข้า-ออก ช้าๆ 3 ครั้ง ค่อยๆลืมตา เป็นการกระตุ้นการทำงานของประสาทคูฅ่ที่1,2,3,4,5,6,8,9 และ10 เหมาะสำหรับ ผู้มีปัญหาปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่ บ่า เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ท่า SKT 3 (ท่าเอน)
.gif)
ท่าเตรียม นั่งหลังตรงเยียดขา ปลายเท้าแยกออกจากกันเล็กน้อยแขนเยียดตรงมือวางบนขา 2 ข้าง สูดลมหายใจเข้าพร้อมๆกันโน้ตัวไปข้างหน้ามือจับข้อเท้ากั้นลมหายใจไว้ นับ1-3(ในใจ) ผ่อนลมหายใจออก พร้อมกับเอนตัวไปข้างหลังทำ40 ครั้ง เป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทคู่ที่1,2,3,4,6,8,9,10 และระบบประสาทไขสันหลัง
ท่า SKT 4 (เดินสมาธิ)

ยืนตรง (มือไว้ตรงไหนก็ได้)
วิธีที่ 1 สูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมยกเท้าขวาแตะพื้น
วิธีที่ 2 สูดหายใจเข้าลึกๆยกเท้าซ้าย(นิ่ง) สดหายใจออก เท้าซ้ายแตะพื้นทำสลับกันใช้เวลาประมาณ 40 นาที เป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทคู่ที่ 1-10 และประสาทไขสันหลัง เหมาะสำหรับผู้ป่วย DM Type I (ให้คนไข้แตะไหล่กันเดินก็ได้)
ท่า SKT 5 (ท่าวิบาก)
.gif)
ท่าเตรียม ยืนตรงเท้าแยกระดับไหล่ ยกแขน 2 ข้าง เหนือศรีษะแขนแนบหูสูดลมหายนใจเข้า-ออก 3 ครั้ง และสูดลมหายใจเข้า- ออกลึกๆ นับ1 ค่อยๆ ก้มตัวลงเล็กน้อย นับ1-30 เมือครบ 30 ครั้ง มือ2 ข้างแตะพื้น นับ1-10 ในใจและสูดหายใจเข้า-ออกลึกๆนับ1ค่่อยเคลื่อนตัวขึ้นช้าๆ นับ1-30 เมือครบ30แขน 2 ข้างชิดหูยกเหนือศรีษะ (เหมือนท่าเตรียม) สูดหายใจเข้าออก ลึกๆ 3 ครั้ง ค่อยๆ แยกมือออก (คล้ายนกก้างปีก) นับ 1-30 มือแนบต้นขา 2 ข้าง สูดหายใจเข้า-ออก ลึกๆ 3 ครั้งเป็นการกระตุ้นการทำงานประสาทคู่ที่1-10และระบบประสาทไขสันหลัง
ท่า SKT 6(ท่าผ่อนคลาย)

ท่าเตรียม ให้ทุกคนนอนหงายแขนแนบตามลำตัวเท้าแยกเล็กน้อยให้รู้สึกผ่อนคล้าย ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า เป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทคู่ที่1-10 และประสาทไขสันหลังสมาธินอนใช้สำหรับผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวและผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญในร่างกาย
ท่า SKT 7

วิธีที่ 1 นั่งตามสบาย สูดหายใจเข้าช้าๆ เคลือนมืแเข้าหากัน (นิ่ง) ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ พร้อมเอามือออก (มือแยกออกจากกันระดับเอว) ทำซ่ำ 40 ครั้ง
วิธีที่ 2 วางมือระดับเอว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมยกมือขึ้น(ประคองแจกัน) ยกขึ้นระดับเหนือศรีษะ(นิ่ง) ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เอามือลง ทำซ้ำ 40 ครั้ง เป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทคู่ที่1-10 ใช้ได้กับผู้ป่วยทุกประเภท

สมาธิเคลื่อนไหว ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหลอดเลือด
ควรทำด้วยความระมัดระวัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น