
ร่างกายควบคุมอุณหภูมิได้อย่างไร ?
- ถ่ายเทหรือเก็บความร้อนด้วยระบบหลอดเลือดส่วนปลาย เช่น เมื่ออุณหภูมิภายในแกนกลางสูงเกินไป หลอดเลือดบริเวณผิวจะขยายตัว เพื่อนำความร้อนภายในถ่ายออกสู่บรรยากาศภายนอก สังเกตว่าเมื่อทำงานในที่ร้อน ผิวหนังบริเวณใบหน้า แขน ขา จะมีสีแดง
- การหลั่งเหงื่อ เพื่อนำความร้อนออกจากร่างกายด้วยการระเหยของเหงื่อ
- การสั่น เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิแกนกลางเย็นเกินไป กล้ามเนื้อจะสั่นเพื่อเพิ่มอุณหภูมิแกนกลาง
การถ่ายเทความร้อนระหว่างร่างกายกับสิ่งแวดล้อม
- การแผ่รังสี ร่างกายและเครื่องจักรที่มีความร้อนสูงสามารถแผ่รังสีความร้อนไปยังวัตถุที่อยู่ใกล้เคียงได้ โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การแผ่รังสีความร้อนของดวงอาทิตย์ มายังคนทำงานในขณะอยู่กลางแดด การทำงานใกล้เครื่องจักรที่ร้อน
- การนำความร้อน เป็นการแลกเปลี่ยนความร้อนโดยการสัมผัสกับวัตถุนั้นโดยตรง เช่น การสูญเสียความร้อนด้วยการยืนเท้าเปล่าบนพื้นที่เย็น การรับความร้อนจากการสัมผัสกับเครื่องจักรที่ร้อน
- การระเหยของเหงื่อ การหลั่งเหงื่อไม่ได้ช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย ถ้าไม่มีการระเหยของเหงื่อ
- นอกจากอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อร่างกายและการทำงานแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่มีความสำคัญ ได้แก่ ความชื้นในอากาศ ความเร็วของลม และเสื้อผ้าที่คนทำงานสวม
- ถ้าอยู่ในที่ที่มีอากาศชื้นและร้อน เหงื่อจะระเหยได้ยาก คนทำงานจะรู้สึกร้อนกว่าปกติ ความเร็วของลมมีผลทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงได้จากการพาความร้อน และทำให้เหงื่อระเหยได้ง่ายขึ้น
- ถ้าคนทำงานกลางแดดที่มีอากาศร้อนสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเกินไปจะทำให้การระเหยของเหงื่อ และพาความร้อนจากลมเป็นไปได้ยาก คนทำงานจะรู้สึกร้อนกว่าปกติ
โซนสบาย
ความชื้นและความเร็วของลม

งานหนัก-งานเบากับอุณหภูมิและความชื้น
(องศาเซลเซียส) | ||||
ร้อยละ 20 | ร้อยละ 40 | ร้อยละ 60 | ร้อยละ 80 | |
---|---|---|---|---|
27 | หนักมาก | หนักมาก | หนักมาก | หนัก |
32 | หนักมาก | หนัก | ปานกลาง | เบา |
38 | หนัก | ปานกลาง | เบา | ไม่ควรทำ |
43 | ปานกลาง | เบา | ไม่ควรทำ | ไม่ควรทำ |
49 | เบา | ไม่ควรทำ | ไม่ควรทำ | ไม่ควรทำ |
ข้อแนะนำสำหรับคนทำงานในที่ร้อน
อย่าลืมว่า การทำงานทุกชนิดต้องปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ถ้าปรับไม่ได้ต้องหาวิธีไม่ให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป ควรพักเมื่อเริ่มรู้สึกเพลีย ดื่มน้ำให้มากในคนทำงานในที่ร้อน กินอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ท่านจะทำงานได้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยจากอันตรายจากการทำงานในที่ร้อน
- ควรให้คนทำงานมีความคุ้นเคยกับการทำงานในอากาศที่ร้อนเสียก่อน จะใช้เวลาประมาณ 12-14 วันในการปรับตัวจึงจะทำงานได้เต็มความสามารถ
- ควรมีการพักบ่อยๆ โดยเฉพาะการทำงานในอากาศที่ร้อนและชื้น เช่น งานในเหมืองที่มีอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพันธ์ร้อยละ 80 ควรพักทุก 5 นาที เป็นต้น
- ควรดื่มน้ำปริมาณน้อยแต่บ่อยๆ เช่น ดื่มน้ำครั้งละ 1/4 ลิตรทุก 15 นาที อย่ารอให้กระหายน้ำ คนทำงานหนักมากอาจมีการหลั่งของเหงื่อได้ถึง 6 ลิตร/วัน
- น้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องหรืออุ่นเล็กน้อย น้ำเย็นจะถูกดูดซึมได้ช้ากว่าน้ำอุ่น ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ ชา กาแฟ เครื่องดื่มบำรุงกำลังทั้งหลาย เพราะจะทำให้กระเพาะต้องทำงานมากขึ้น อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ผู้ที่เสียเหงื่อมากควรกินผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย หรือสับปะรด ไม่จำเป็นต้องกินเกลือแร่ ถ้าได้กินอาหารอย่างเพียงพอต่อการใช้พลังงาน
- ในคนทำงานหน้าเตาเผาหรือเครื่องจักรที่ร้อนควรหาฉากกันความร้อนไม่ให้มีการแผ่รังสีความร้อน มาสู่คนทำงานโดยตรง
- ทำงานในที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ใช้พัดลมช่วยพาความร้อนออกจากร่างกายและการระเหยของเหงื่อ แต่ไม่ควรให้ลมพัดจากผนังหรือเครื่องจักรที่ร้อนมาสู่ตัวคนทำงาน
- คนทำงานกลางแดดควรใส่หมวก เพื่อป้องกันการแผ่รังสีความร้อนของดวงอาทิตย์ หมวกสานของชาวบ้านจะกันแดดได้ดี มีความโปร่ง มีอากาศถ่ายเททำให้เหงื่อบริเวณศีรษะระเหยได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ถ้ารู้สึกเพลียควรพักในที่ร่มทันที เพื่อป้องกันการเป็นลมแดด
- ถ้าต้องทำงานในช่วงที่มีอากาศร้อนและชื้น การระเหยของเหงื่อไม่ดี ควรอาบน้ำหรือเช็ดตัวด้วยน้ำที่อุณหภูมิห้องเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย

